วันเสาร์ที่ 20 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553

จากหนังเรื่อง confessins of a shopaholic

ที่ชมเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ผมได้มีความคิดกับหนังเรื่องนี้ว่า หนังได้บอกกับเราเรื่องของการเงิน การใช้เงิน การเห็นความสำคัญของเงิน ซึ่งสมัยและยุคใหม่นั้นมีการเปลี่ยนแปลงทางด้านเศรษฐกิจเรื่อยๆ นี่สะท้อนว่า คนเราสมัยนี้คิดว่า ถ้าจะได้ดีแปลว่าต้อง "รวย" รวยแปลว่าดี เพราะคิดว่ามีเงินเยอะก็ซื้อความสุขได้เยอะ แต่ความจริงคนรวยๆมีทุกข์เยอะไปนะครับที่จริง นิยามความสุขของแต่ละคนอาจจะไม่เหมือนกัน อย่างของรีเบ็คก้า บลูมวูด ความสุขของเธอคือการได้ซื้อเสื้อผ้า กระเป๋า รองเท้า ของประดับ ไปจนถึงผ้าพันคอแบรนด์เนม ถึงแม้ว่าเงินในกระเป๋าจะเหลือเท่าไรก็ตามเธอบรรยายว่า เวลาที่เธอได้ซื้อของสวยๆ ดูเหมือนโลกนี้ราวจะสวยงามไปตามกันแต่ความรู้สึกนั้นจะดับลงหลังจากนั้นไม่นาน เธอจึงต้องเริ่มซื้อของชิ้นใหม่อีกครั้ง ความสุขทางโลกเป็นอย่างนี้เองครับ ไม่ว่าจะใช้เงินซื้อหรือไม่ คือมันสุขได้ชั่วคราว
ผู้หญิง ถึงไม่เคยยินดีในกระเป๋าใบเดียว รองเท้าคู่เดิม ตุ้มหูคู่เก่า
ผู้ชาย ถึงไม่ค่อยยินดีในแฟนคนเดียว รถคันเดิม เครื่องเสียงชุดเก่า
เพราะความสุขที่มีจากการได้มา มันแสดงอนิจจัง มันอยู่ชั่วคราวแล้วก็จากไป เราจึงต้องดิ้นรนหาของใหม่ มาสนองความอยากได้ใคร่มีต่อไป อยากได้แล้วไม่ได้ ก็ทุกข์เพราะไม่สมในอยาก อยากได้แล้วได้มา ก็ทุกข์อีก เพราะการมีอยู่ ก็เป็นภาระต้องดูแลรักษา ไม่ให้มันเสื่อมมันโทรมสูญหาย คนมีบ้าน ก็ทุกข์เพราะบ้าน ต้องทำนุบำรุงดูแล ต้องเฝ้าระวัง ไม่ให้ขโมยขึ้น
คนมีรถ ก็ทุกข์เพราะรถ ต้องคอยขัดล้างดูแล ซ่อมแซม เติมน้ำมัน ทำประกัน เสียภาษี หาที่จอด  คนมีแฟน ก็ทุกข์เพราะแฟน ต้องคอยหวงคอยห่วงไปจนถึงคอยหึง ต้องคอยเอาใจใส่ ฯลฯ  พูดซื่อๆ ดิ้นรนอยากจะสุข แต่สิ่งที่ได้มากลับเป็นทุกข์ง่ายๆเสียอย่างนั้น ในตอนท้ายเรื่อง รีเบ็คก้าเรียนรู้ว่า การได้มาซึ่งความสุขชั่วคราวที่เงินซื้อหาได้ บางทีกลับทำให้เธอต้องสูญเสียอะไรที่สำคัญยิ่งกว่าไป ช่วงวิกฤตเศรษฐกิจแบบนี้ มองในแง่ดี ก็เหมือนโอกาสที่เราจะหยุดทบทวนชีวิตเรา ว่า..แท้ที่จริงแล้ว เราต้องการอะไรในชีวิตกันแน่ ความสุขที่ต้องอาศัยเงิน สิ่งของนอกกายหรือความสุขที่หาได้โดยอาศัยสติปัญญาภายในใจของเรานี่แหละ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น